การแข่งขันเพื่อแรงงานต่างชาติในเอเชียตะวันออก: สงครามเรื่องการเข้าเมืองระหว่างเกาหลี ญี่ปุ่น และไต้หวัน
ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา มีการแข่งขันที่รุนแรงเกิดขึ้นในหมู่ประเทศในเอเชียตะวันออกเพื่อดึงดูดแรงงานต่างชาติ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และไต้หวันต่างกำลังดำเนินนโยบายเพื่อดึงดูดความสามารถจากต่างประเทศเพื่อตอบสนองต่อปัญหาขาดแคลนแรงงานที่เกิดจากอัตราการเกิดที่ต่ำและประชากรสูงอายุ ในบทความนี้ เราจะสำรวจว่าประเทศทั้งสามนี้กำลังแข่งขันกันอย่างไรเพื่อแรงงานต่างชาติ สาเหตุที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนแปลงนี้ และนโยบายใหม่ๆ ที่ได้มีการปรับเปลี่ยน
เกาหลีใต้: การลดข้อกำหนดในการจ้างงานชาวต่างชาติอย่างมีนัยสำคัญ
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เกาหลีใต้ได้เพิ่มจำนวนแรงงานต่างชาติอย่างมาก ในปี 2020 จำนวนแรงงานต่างชาติที่มีทักษะต่ำ (วีซ่า E-9) ถูกตั้งไว้ที่ 56,000 คน แต่ปีนี้จำนวนได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 165,000 คน นอกจากนี้ โควต้าสำหรับแรงงานต่างชาติที่มีทักษะ (วีซ่า E-7-4) ก็เพิ่มขึ้นจาก 600 คนในปี 2018 เป็น 35,000 คนในปีนี้ แสดงให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นอย่างมากในความสามารถของเกาหลีใต้ในการรองรับแรงงานต่างชาติ การเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้มีเป้าหมายเพื่อตอบสนองต่อการขาดแคลนแรงงานที่รุนแรงซึ่งเกิดจากการลดลงอย่างรวดเร็วของอัตราการเกิดและประชากรสูงอายุ นอกจากนี้ ค่าแรงที่สูงขึ้นในเกาหลีใต้เมื่อเปรียบเทียบกับญี่ปุ่นและไต้หวันยังเป็นแรงจูงใจที่ดึงดูดแรงงานต่างชาติได้เป็นอย่างดี ตัวอย่างเช่น ค่าแรงเฉลี่ยของแรงงานต่างชาติที่ไม่มีทักษะในเกาหลีในปี 2022 สูงถึงประมาณ 2.37 ล้านวอน ซึ่งมากกว่าค่าจ้างในญี่ปุ่นและไต้หวัน
ญี่ปุ่น: ดึงดูดแรงงานต่างชาติผ่านระบบการฝึกอบรมการทำงานใหม่
ญี่ปุ่นได้ใช้โปรแกรมฝึกงานเชิงเทคนิคในการนำเข้าแรงงานต่างชาติมานาน แต่ระบบนี้ได้รับคำวิจารณ์ในเรื่องสภาพการทำงานที่ต่ำและการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพื่อแก้ไขปัญหา รัฐบาลญี่ปุ่นจึงได้ยกเลิกโปรแกรมฝึกงานเชิงเทคนิคและเปิดตัวระบบการฝึกอบรมการทำงานใหม่เพื่อปรับปรุงนโยบายการดึงดูดแรงงานต่างชาติ ตอนนี้ ญี่ปุ่นให้สถานะวีซ่า “Specified Skills 2” แก่แรงงานต่างชาติ ซึ่งอนุญาตให้พวกเขานำครอบครัวมาด้วยและสามารถขอถิ่นที่อยู่ถาวรได้ ซึ่งเท่ากับว่าเปิดประตูให้กับการเข้าเมือง ความพยายามในการดึงดูดแรงงานต่างชาติที่มากขึ้นมุ่งเน้นไปที่สาขาที่มีการขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง เช่น การดูแลผู้สูงอายุและการก่อสร้าง
ไต้หวัน: ขยายจำนวนโควต้าแรงงานที่ไม่มีทักษะและแนะนำผู้ดูแลต่างชาติ
รัฐบาลไต้หวันได้ตั้งเป้าหมายที่มุ่งมั่นในการดึงดูดแรงงานต่างชาติที่ไม่มีทักษะเพิ่มเติมอีก 80,000 คนภายในปี 2030 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคการดูแลผู้สูงอายุ ความต้องการแรงงานในด้านการดูแลกำลังเพิ่มขึ้นไม่เพียงแต่ในไต้หวัน แต่ทั่วเอเชียตะวันออก ญี่ปุ่นและไต้หวันได้มีการดำเนินการโปรแกรมผู้ดูแลต่างชาติแล้วเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับสังคมผู้สูงอายุ ในขณะที่เกาหลีใต้ยังไม่ได้นำเข้าผู้ดูแลต่างชาติอย่างเต็มที่
การเข้าร่วมการแข่งขันของจีน: ท่ามกลางการลดลงของประชากร
ประเทศจีน ซึ่งเผชิญกับการลดลงของอัตราการเกิดของตนเอง กำลังคาดว่าจะเข้าร่วมการแข่งขันเพื่อดึงดูดแรงงานต่างชาติในอนาคตอันใกล้ ในปี 2022 อัตราการเกิดของจีนลดลงเหลือเพียง 1.09 ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเกิดการขาดแคลนแรงงานในด้านการดูแล รวมถึงการดูแลผู้สูงอายุและเด็ก หากจีนเริ่มดึงดูดผู้ดูแลต่างชาติ จะทำให้การแข่งขันเพื่อดึงดูดความสามารถในเอเชียตะวันออกนั้นรุนแรงยิ่งขึ้น
เนื้อหาที่แชร์ที่นี่อิงตามการตีความของฉันจากบทความเดิม สำหรับข้อมูลที่ละเอียดและแม่นยำยิ่งขึ้น กรุณาอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลต้นฉบับ
อ่านบทความต้นฉบับที่นี่: “ถ้าเราเสียพวกเขาไป มันจบเห่… สงครามสามก๊กได้เริ่มต้นขึ้น”